SAT ย่อมาจาก Scholastic Aptitude Tests หรือ Scholastic Assessment Tests ซึ่งเป็นการสอบมาตรฐานของเด็ก high school ในอเมริกา เทียบได้กับการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยของประเทศไทย ผู้ที่จัดสอบ SAT คือ Collegeboard (http://www.collegeboard.com/ ) อย่างไรก็ดี ยังมีการสอบที่ลักษณะที่คล้ายกันกับ SAT ของเด็กในระดับ middle school ด้วย เช่น PSAT เป็นต้น มหาวิทยาลัยจะนำคะแนนสอบ SAT นี้ไปเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษา แต่ละมหาวิทยาลัยก็จะมีเกณฑ์การใช้คะแนนนี้ต่างกันไป สำหรับการสอบนั้น น้อง ๆ จะต้องสอบ SAT และ SAT Subject ซึ่งตัวหลังนี้น้อง ๆ อาจจะสอบกันจากเมืองไทยไปแลว ส่วนคนที่ยังไม่เคยสอบ การสอบ SAT ทั้งสองประเภทนี้จะต้องสอบแยกกันเป็นครั้ง ๆ และจะสามารถสอบได้หลายครั้งตามกำลังอึดและกำลังทรัพย์ของแต่ละคน โดยมากแล้วมหาวิทยาลัยจะเลือกพิจารณาคะแนนครั้งที่ดีที่สุด ชนิดการสอบ SAT สามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภท คือ SAT I(Reasoning Test) และ SAT II(Subject Test) SAT-I (Reasoning Test) จะประกอบด้วยข้อสอบ 3 ส่วน คือ Critical Reading, Math และ Writing ( เรียกส่วนที่ไม่ใช่ Math ว่า Verbal) โดยแต่ละส่วนจะคิดเป็นคะแนนส่วนละ 800 คะแนน รวมทั้งหมดเป็น 2400 คะแนน ช่วงคะแนนในแต่ละส่วนจะมีได้ตั้งแต่ 200-800 คะแนน »Critical Reading นั้นจะมีคำถามอยู่สองชนิด คือ vocabulary part และ reading part ส่วน »Math จะเป็นคำถามคณิตศาสตร์ ทั่ว ๆ ไป (ความรู้ประมาณ ม. 3) มีทั้งตัวเลือกและเติมคำตอบในช่อง (grid) »Writing จะประกอบด้วย essay, grammar (error recognition) และ sentence completion SAT-II (Subject Test) เป็นการสอบวัดผลทางวิชาการแยกเป็นรายวิชา โดยที่น้อง ๆ จะได้เลือกวิชาที่ต้องการสอบ โดยปกติแล้วการสอบ SAT Subject Test จะสอบกันสองหรือสามวิชา และการสอบจะมี 3 ช่วง แต่ละช่วงคือหนึ่งวิชา สามารถเลือกทำวิชาใดก่อนก็ได้ เนื้อหาของ SATII นั้นครอบคลุมความรู้พื้นฐานของแต่ละวิชาตามที่ได้เรียนช่วงมัธยมปลาย โดยส่วนมากวิชาที่พี่ ๆ ชอบสอบจะเป็นวิชาสายวิทย์ เช่น MathII ( มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะบังคับตัวนี้) Physics หรือ Chemistry หรือ Biology เพราะสามารถทำคะแนนได้ง่ายกว่าวิชาอื่น แต่หากน้อง ๆ นึกสนุก วิชาพวกภาษา หรือประวัติศาสตร์ก็มีให้น้อง ๆ ได้เลือกสรรเช่นกัน ตัวอย่างวิชาที่ให้เลือกสอบ เช่น Math level I, Math level II, Chemistry, Physics, Molecular Biology, Ecological Biology, World History, Listening, etc. รายละเอียดการสอบ SAT ตามที่ข้อสอบ SAT ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของข้อสอบในเดือนมีนาคม 2005 นั้นรูปแบบของข้อสอบใหม่ประกอบโดยข้อสอบ 7 ประเภทดังนี้ 1.Math: Multiple Choice » เป็นข้อสอบเลขระดับมัธยมปลายโดยมีตัวเลือกให้ 5 ข้อ » เรียนวิชา Math ของ GMAT ได้ (GMAT ยากกว่า SAT) 2.Math: Grid-Ins » เป็นข้อสอบเลขระดับมัธยมปลายโดยไม่มีตัวเลือกให้ » เรียนวิชา Math ของ GMAT ได้ 3.Identifying Sentence Errors » เป็นข้อสอบ Grammar เหมือน TOEFL CBT แต่มีตัวเลือก 5 ข้อ » เรียนวิชา Error Identification ของ TOEFL ได้ (TOEFL ง่ายกว่า SAT) 4.Improving Sentences » เป็นข้อสอบ Grammar และ Style โดยมีตัวเลือก 5 ตัวเลือก » เรียนวิชา Sentence Correction ของ GMAT ได้ (GMAT ยากกว่า SAT) 5.Identifying Paragraph Errors » เป็นข้อสอบ Writing โดยมีตัวเลือก 5 ตัวเลือก » เรียนวิชา Paragraph ของ TOEFL iBT ได้ 6.Essay » เป็นข้อสอบ Writing » เรียนวิชา Writing ของ GMAT ได้ 7.Sentence Completion » เป็นข้อสอบ Vocabulary และ Reading โดยผู้สอบต้องเลือกคำศัพท์เติมในช่องว่าง » สามารถทดแทนด้วยการเรียน Vocabulary และ Reading ของ GMAT ได้ » ผู้เรียนควรท่องศัพท์เพิ่มเติม 8.Reading Comprehension » เป็นข้อสอบ Reading โดยมีตัวเลือก 5 ตัวเลือก » เรียนวิชา Reading ของ GMAT ได้ การให้คะแนนในแต่ละส่วน นักศึกษาจะได้รับคะแนนทั้ง 3 ส่วนคือ การอ่าน วิเคราะห์และวิจารณ์ คณิตศาสตร์ และการเขียน (Critical Reading, Mathematics and Writing) โดยที่แต่ละส่วนจะมีคะแนนในช่วง 200 - 800 การสมัครสอบ และตารางสอบ น้อง ๆ สามารถสมัครสอบ SAT ออนไลน์ได้ที่ www.collegeboard.com โดยที่ตารางสอบและตารางสมัครสอบมีดังนี้ ที่มา:http://www.collegeboard.com/student/testing/sat/calenfees/calenfees2.html การเตรียมตัวก่อนสอบ SAT-I »Critical Reading น้อง ๆ ควรอ่านหนังสือศัพท์ เช่น Word Smart และฝึกทำ Reading โดยหาตัวอย่างข้อสอบหรือ prep guide เช่น Barron หรือ Princeton Review »Math การเตรียมตัวส่วนนี้ น้อง ๆ ควรฝึกทำโจทย์เลข จากหนังสือสอบ SAT part math หรือ MathII ของ SATII เพื่อดูศัพท์ทางคณิตศาสตร์ทั่วไป »Writing ควรอ่าน Grammar ฝึกทำ Error Recognition และฝึกเขียน 5 paragraphs essay SAT-II การเตรียมตัวแต่ละวิชาจะแตกต่างกันไป น้อง ๆ สามารถหาแนวข้อสบมาทำได้จากหนังสือ prep guide ต่าง ๆ ส่วนใหญ่แล้ว พี่ ๆ จะทิ้งหนังสือพวกนี้ไว้ให้อยู่แล้ว และถ้าเป็นวิชาสายวิทย์ เนื้อหาก็จะไม่ยากเกินไปนัก คะแนนสอบ SAT ใช้ยื่นสมัครที่ไหนได้บ้าง? 1.หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2.หลักสูตรเศรษฐศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3.หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย - วิศวกรรมยานยนต์
- วิศวกรรมนาโน
4.หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 5.หลักสูตรเศรษฐศาสตรบัณฑิต (หลักสุตรนานาชาติ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 6.หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (หลักสุตรนานาชาติ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 7.หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ - เทคโนโลยีการจัดการ
- เทคโนโลยีสารสนเทศ
- เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม
- วิทยาการคอมพิวเตอร์
8.หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 9.หลักสูตรวิทยาศาสตรและการบริหารธุรกิจบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 10.หลักสูตรนานาชาติกว่า 10 สาขาวิชา มหาวิทยาลัยมหิดล 11.หลักสูตรสถาปัตยกรรมศาสตรและศิลปบัณฑิต (หลักสูตรนานาชาติ) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 12.หลักสูตรนานาชาติทุกสาขาวิชา มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และอื่นๆ อีกหลายหลักสูตร “ทางสถาบัน Bright up center by P’JENG มีเปิดสอนคอร์ส SAT โดยนักเรียนที่มาเรียนสอบได้ถึง 98% ทุกรอบ” รายละเอียด... Bright Up Center By P’Jeng โรงเรียนกวดวิชามงคลพัฒนา เราดูแล ใส่ใจน้องๆทุกคน ดุจดังบุตรหลาน และน้องๆของเราเอง ราคาไม่แพง..คุณภาพเยี่ยม ต้องที่ Bright up Center By P’ Jeng เรียนจริง....ได้ผลจริง ห้องเรียนของเรากว้างขวาง เนื้อที่ของเรามีมากกว่า 1 ไร่ครึ่ง น้องๆสามารถเลือกเรียนได้ทั้ง Course เรียนกลุ่ม – เดี่ยว นะค่ะ ราคาพิเศษ เลือกวันเวลาเรียนได้ น้องๆคนไหนสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ |